เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ฮิวแมนไรต์วอชท์ แถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลไทยยุติการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อ 11 นักศึกษาที่ประท้วงต่อต้านระบอบทหารอย่างสันติ ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เจ้าหน้าที่จับกุมนักกิจกรรมมากว่า 40 คนที่กรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆที่รณรงค์ต่อต้านรัฐบาลในโอกาสครบรอบ 1 ปี การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งถือเป็นการปราบปรามผู้ต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปีก่อน
นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอชท์ เอเชีย กล่าวว่า การดำเนินคดีนักศึกษาที่ประท้วงอย่างสงบแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความตั้งใจที่จะผ่อนคลายกฎหมายที่กดขี่ประชาชน และการปิดกั้นการประท้วงในที่สาธารณะเป็นการเยาะเย้ยคำสัญญาของรัฐบาลที่จะนำประเทศคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย
แถลงการณ์ของฮิวแมนไรต์วอชท์ยังระบุว่านักศึกษาในกรุงเทพฯ 4 คน และนักศึกษาอีก 7 คนใน จ.ขอนแก่น รวมเป็น 11 คน ถูกตั้งข้อหาทำกิจกรรมทางการเมืองและชุมนุมในที่สาธารณะมากกว่า 5 คน ทั้ง 11 คน ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวกับตำรวจในวันที่ 8 มิ.ย. นี้เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยนักศึกษาทั้งหมดจะถูกสอบสวนในศาลทหารและอาจต้องโทษจำคุก 1 ปีและปรับเงิน 20,000 บาท
ฮิวแมนไรต์วอทช์ยังเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ฮิวแมนไรต์วอทช์ พร้อมด้วยนักข่าว นักกฎหมาย และตัวแทนจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย พบว่าทหารในชุดพลเรือนและตำรวจได้ทำร้ายร่างกายนักศึกษาที่ประท้วงอย่างสงบที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ได้ทุบตี เตะ และตบผู้ประท้วงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุใดๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนอุ้มนักศึกษาขึ้นมาและโยนลงกับพื้น รวมถึงกระชากผมเพื่อลากออกจากบริเวณ นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ นักศึกษาคนหนึ่งที่ถูกจับถูกนำโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอย่างฉุกเฉินหลังได้รับบาดเจ็บจนหมดสติ
แม้จะมีหลักฐานจำนวนมากแต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่และกล่าวว่าไม่มีการปราบปราม มีเพียงการปะทะกันเล็กน้อยเท่านั้นเพราะเจ้าหน้าที่ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์ และนักศึกษาที่ละเมิดกฎหมายไม่ควรเรียกร้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพวกเขาไม่ควรต่อต้านเจ้าหน้าที่ตั้งแต่แรก และไม่มีความจำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ใด
ฮิวแมนไรต์วอชท์ ย้ำถึงความกังวลในการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ต่อการประท้วงต่อต้านรัฐประหารอย่างสงบ รวมไปถึงการที่ คสช.นำศาลทหารมาใช้แทนศาลพลเรือนในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของประเทศ การปลุกระดมและการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมถึงบุคคลผู้ต่อต้านคำสั่งของ คสช. ที่ต้องขึ้นศาลทหารด้วย ทั้งนี้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศไม่อนุญาตให้ใช้ศาลทหารกับพลเรือน การที่รัฐบาลไทยใช้ศาลทหารกับพลเรือนยังเป็นการขัดกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ไทยลงนามอีกด้วย แถลงการณ์ระบุว่ารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวของไทยให้อำนาจสมาชิก คสช. หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ในนาม คสช. พ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย
นายแบรด อดัมส์ กล่าวว่า รัฐบาลทหารใช้กฎหมายที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จต่อผู้ไม่เห็นด้วยเพื่อรักษาอำนาจ และทำตัวอยู่เหนือกฎหมายเมื่อทหารและตำรวจละเมิดสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายที่ไม่สามารถตรวจสอบได้และไม่เกรงกลัวที่จับกุม จะไม่หยุดใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วงอย่างสันติ และยิ่งมีการต่อต้านผู้ที่ประท้วงอย่างสันติมากเท่าไหร่ ประเทศไทยก็ยิ่งจมลงสู่ความเป็นเผด็จการมากขึ้นเท่านั้น
ที่มา http://www.khaosod.co.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น